วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่ 17

-นำเสนอผลงานการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลปัญหาขยะล้นชายหาดบางแสนที่โดมแก้วQS1
-ประเมินผลงานการนำเสนอ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่16

-หยุดการเรียนเนื่องจากมีงานรับปริญญา

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่15

-ฝึกทักษะการสังเคราะห์ข้อมูลด้วยแผนภูมิ แผนภาพ แผนสถิติ

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่14

-ฝึกการสังเคราะห์ข้อมูลด้วยหลัก5w1H

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่ 13

-การทำโปสเตอร์และโฆษณา
-การทำรายงานที่ถูกต้อง

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่ 12

-นำเสนอปัญหาขยะล้นหาดบางแสน
-การสืบค้นข้อมูลโดยใช้ search engine
-การประเมินข้อมูลสารสนเทศ

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่ 11

-ฝึกการสืบค้นข้อมูล
-ประเมินสารสนเทศจากสื่อเสียงผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่ 10

-สอบกลางภาคเรียน
-ทำได้ด้วยแหละ

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การเขียนบทความจากข้อมูลทางสื่อเสียง

ริษยาไฟแห่งการเผาไหม้

ชื่อ นาวสาวสิริรักษ์ ยิ้มละมัย รหัสนิสิต 52040217
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ

ความริษยาหมายถึงความต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งถูกทำลายหรือไม่ต้องการให้คนอื่นได้ดีและถ้าหากตัวเองสามารถทำได้ คนริษยาก็จะลงมือทำลายคนที่ตนเองอิจฉา ความรู้สึกเช่นนี้แตกต่างไปจากความอิจฉาซึ่งหมายถึงต้องการให้ตัวเองได้ดีในขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนอื่นได้ดีด้วย ความรู้สึกอิจฉาอย่างหลังนี้เป็นเรื่องดีเพราะมันนำไปสู่การแข่งขัน การแข่งขันไม่ใช่สิ่งที่น่าตำหนิ หากแต่เป็นเรื่องน่ายกย่องเสียด้วยซ้ำถ้าหากมันเป็นการแข่งขันไปสู่ความดี
นิสัยริษยานี้จะเกิดขึ้นกับคนที่มีความดีในตัวน้อย ถ้าหากมีคุณงามความดีมากกว่าคนอื่นก็ไม่ตองมีความจำเป็นที่จะต้องไปริษยาใคร เนื่องจากเรามีคุณงามความดีน้อยกว่าคนอื่นแล้วอยากได้ดีเท่ากับเขาหรือมากกว่าเขาแทนที่จะคิดแก้ไขตัวเอง กลับไปคิดในทางที่ผิดๆหรือร้ายๆคิดที่จะเหยียบย้ำคนอื่นลงไปด้วยฤทธิ์ของความเข้าใจผิด คนที่มีนิสัยชอบริษยาทำให้เป็นคนที่มีจิตใจเศร้าหมอง ไม่มีคำพูดที่อ่อนหวาน แสดงอาการร้ายๆออกมา หน้านิ่วคิ้วขมวดจนกลายเป็นโรคแห่งความริษยา ความริษยาเป็นโรคร้ายของหัวใจที่นำไปสู่การกระทำที่เสียหายและพฤติกรรมที่ชั่วร้าย มันนำไปสู่ความเกลียดชัง การมีเจตนาร้ายต่อคนอื่น การใสร้าย การโกหกและอื่นๆ มันอาจทำให้คนที่ริษยาทำร้ายคนที่เขาริษยาและสามารถนำไปสู่การกระทำฆาตกรรมได้ ความริษยาถูกถือว่าเป็นโรคร้ายที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งของจิตใจ เราจะเห็นได้ทันทีถึงอันตรายของความริษยาว่ามันทำให้คนตาบอดมันทำให้หัวใจอันบริสุทธิ์ของคนหมดความเมตตาปรานี มันสร้างความเจ็บปวดแก่คนที่ถูกริษยา ความริษยาเกิดขึ้นเพราะความเกลียดชัง ความทะนงตน ความหลงใหลตัวเอง ความอยากเป็นผู้นำและความสกปรกของจิตใจความไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ดีเมื่อเห็นใครได้ดีจะมีความเป็นทุกข์ร้อนร้นกระวนกระวายไม่สามารถอยู่กับที่ได้พยายามหาทุกข์วิธีทางเพื่อจะเอาชนะจนกลายเป็นโรคร้ายที่ติดตัวคนเรา ถ้าคนเรามีความสุขได้ก็เพราะคนที่เราริษยาไม่ได้รับความดี ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลยก็ตามแต่ได้ความสบายใจเมื่อเห็นคนอื่นไม่ได้ดี การที่คนเราคอยริษยาคนอื่นก็ต้องได้รับแต่ความเจ็บปวดเช่นกันเพราะต้องคอยเฝ้าติดตามคนที่เราริษยาอยู่ตลอดเวลา เพื่อความสบายใจที่จะได้เห็นคนที่เราริษยาไม่ได้รับสิ่งดีงามบางทีอาจจะต้องเจ็บปวดมากกว่าคนที่เราริษยาด้วยซ้ำตัวอิจฉาริษยาอยู่ในตระกูลโทสะ มีกิเลศอยู่ 4 ตัว โทสะคือความปทุศร้าย อิสาคือความริษยา มัจฉริยะคือความตระหนี่ และกุฏจะคือความหงุดหงิดใจ ตัวริษยา ตัวที่ไม่ปราถนาที่จะให้คนอื่นได้เหมือนอย่างที่ตัวเองได้ พอเห็นคนอื่นได้ เกิดอาการริษยา เกิดการเสียดแทงในใจ ไม่ตอบรับ ไม่ยอมรับ ที่คนอื่นเขาได้ เราสามารถแก้อาการริษยาได้มีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน 1.หมั่นให้ทาน รู้จักการแบ่งปันให้ผู้อื่น 2.ปิยะวาจา เวลาพูดจากับใครก็พูดด้วยวาจาที่ไพเราะเพราะคำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจคนได้ดี 3.อัตถจริยา การนำเอาความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่นำไปช่วยคนอื่น 4.สมานัตตตา ไม่ว่าจะคบกับใครก็ควรมีความจริงใจให้เขาไม่ว่าร้ายใครลับหลังมีแต่ความจริงใจถ้าเราทำ 4 ข้อนี้ได้ก็จะป็นที่มาแห่งงเสน่ห์ของเราถึงตอนนั้นก็สามารถไปช่วยสอนคนอื่นๆที่กำลังอิจฉาคุณให้รู้ถึงงวิทีการแก้ไขได้
สิ่งเหล่านี้คือความอิจฉาริษยาในหัวใจที่กลืนกินความดีและลบล้างมันเหมือนกับกลางคืนเข้ามาลบกลางวัน คนที่เป็นทุกข์จากความอิจฉาริษยาในชีวิตจะเจ็บปวดเพราะความอิจฉาริษยาและเขาจะเศร้าโศกเสียใจทุกครั้งที่เขาเห็นคนที่เขาอิจฉาริษยาได้รับความโปรดปราน ถ้าหากเราสามารถขจัดความริษายออกจากตัวได้แล้วนั้นก็จะทำให้เราพบแต่ความผาสุขในชีวิต




-------------------------------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของศึกษารายวิชา ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารอ้างอิง

http://blog.spu.ac.th/porn
โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ : เขมกะ. สำนักพิมพ์ธรรมะสภา.๒๕๔๓

การเขียนบทความจากข้อมูลทางสื่อเสียง

สิ่งสำคัญของการเป็นคน

ชื่อ นาวสาวสิริรักษ์ ยิ้มละมัย รหัสนิสิต 52040217
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ


เราเกิดมาต้องมีหน้าที่เป็นของตนเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดหรือมีความเป็นอยู่อย่างไรก็ตามล้วนต่างต้องมีหน้าที่กันทุกคน เริ่มตั้งแต่เกิดเลยก็เรียกได้ เราต้องเป็นลุกที่ดี เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นพนักงานที่ดี เมื่อเรามีหน้าที่ของตนเองเราต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถและเต็มความภาคภูมิใจ
เราทุกคนมีหน้าที่ต่างกัน อยู่ที่บุคคลนั้นกำลังอยู่ในสถานะใด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่างเช่นตอนนี้เรากำลังศึกษาอยู่ เราต้องอยู่กับพ่อแม่ ดังนั้นเราจึงควรไม่ทำตัวไม่ดี เป็นคนอกตัญญู ก้าวร้าว ทำร้ายพ่อแม่ เราควรทำตัวให้สมกับการเป็นลูกที่ดี ลุกที่ดีมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ดูแลเลี้ยงพ่อแม่เป็นการตอบแทนเมื่อยามท่านแก่เฒ่า ท่านดูแลเราดีมากแค่ไหน เราต้องดุแลท่านให้ดีมากกว่านั้นเป็น 10 เท่า วิธีการเลี้ยงพ่อแม่นั้น มี ๒ อย่าง คือ เลี้ยงร่างกาย และ เลี้ยงน้ำใน เลี้ยงร่างกาย นั้นได้แก่ จัดข้าวปลาอาหาร ขนม และผลไม้ที่ดี แปลกใหม่มาบำรุงพ่อแม่ ไม่ให้บกพร่อง หาเครื่องนุ่งห่มที่ดีเหมาะสม จัดทำที่อยู่อาศัยให้พ่อแม่ของเราได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างผาสุก ส่วนการเลี้ยงน้ำใจนั้น จงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ขัดเคืองใจพ่อแม่ เมื่อท่านมีความประสงค์อะไร หรือจะให้เราทำอะไรแล้ว จงทำตามที่พ่อแม่ต้องการด้วยความเต็มใจ แม้สิ่งนั้นจะไม่ถูกกับความประสงค์ก็ดี หรือเป็นของไม่ควรทำ แต่ไม่ถึงกับเสียหายก็ดีก็ขอให้พยายามทำตามอย่าขัดขืนให้ไม่สบายใจ ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ในทุกๆเรื่อง งานใดเป็นสิ่งที่พ่อแม่จะต้องทำแล้ว พ่อแม่จะออกปากให้เราช่วยหรือไม่ออกปากก็ตาม เราจะต้องรีบช่วยจัดทำงานนั้นให้เสร็จสิ้นไป โดยไม่ต้องให้พ่อแม่เป็นห่วงกังวลใจ ถ้าเราทำเฉยเสียจนท่านต้องใช้เราเป็นครั้งที่สองก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกที่ไม่ดี เราอายุน้อยหรือโตแล้วก็ต้องช่วยทำงานตามสมควรแก่กำลังของเรา รักษาเกียรติ์ของตนเองและวงศ์ตระกูลไม่ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียหรือเรื่องเสียหายใดๆ ประพฤติตนให้เหมาะสมและสมควรที่จะได้รับทรัพย์สมบัติจากพ่อแม่และเมื่อได้แล้วต้องดูแลรักษา รู้คุณค่าของสิ่งที่ได้มา และเมื่อพ่อแม่ของเราได้ล่วงลับไปแล้ว เรายังสามรถเป็นลูกที่ดีต่อท่านได้โดยการทำบุญตักบาตร กรวดน้ำส่งไปให้ ถ้าเราสามารถทำหน้าทีของลูกที่ดีได้อย่างสมบูรณ์ เราสามารถที่จะทำหน้าที่พ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน หน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ที่ดี ต้องห้ามปรามลูกจากความชั่วไม่ให้ทำความชั่ว และสอนให้รู้ว่าความชั้วนั้นคืออะไรไมดีอย่างไร เมื่อสอนให้ลูกรู้ถึงความชั่วแล้ว ต้องสอนให้ลูกรู้จักการทำความดีด้วย ว่าความดีนั้นคืออะไร ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่า “ความดี” ให้การศึกษากับลูก เริ่มตั้งแต่ที่บ้านโดยมีพ่อแม่เป็นผู้สั่งสอนให้การอบรมที่ดี ในขั้นต้นพ่อแม่ก็สอนให้ลูกรู้จักกริยามารยาทในการเดิน การนั่ง การยืน และการนอน ตลอดจนการพูดจา ให้มีกริยาเรียบร้อย อ่อนน้อม และพูดจาเป็นสัมมาคารวะ อ่อนหวาน ให้รู้จักขอโทษเมื่อตนได้ทำผิดไป ให้รู้จักกราบไหว้และกล่าวขอบคุณแก่บุคคลผู้ให้สิ่งของอะไร ๆ แก่ตน และเมื่อถึงวัยที่ต้องได้รับการศึกษาก็ต้องส่งลุกไปเข้าโรงเรียนตามหลักสูตรที่ทางการการศึกษาได้กำหนดไว้ จนสำเร็จการศึกษา และต้องแสดงความยินดีเมื่อลูกประสบความสำเร็จในหน้าที่ เมื่อมีการเรียนและการงานที่ดีแล้วพ่อแม่ก็ต้องหาคู่ครองที่คู่ควรและเหมาะสมให้กับลูกคอยเป็นหูเป็นตาไม่ใช่การคลุมถุงชน เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ควรมอบทรัพย์สมบัติและมรดกให้กับลูกทั้งคุณงามความดีและของมีค่าที่มีอยู่ให้กับลูก นอกจากหน้าที่ที่ดีของพ่อแม่แล้ว เรายังนำหลักในธรรมะมาใช้ในการเลี้ยงลูกได้อีก คือ หลักพรหม 4 เมตตา คือ รักลูก รักอย่างมีเหตุผล กรุณา คือ การช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่การทำให้ในทุกๆเรื่องจนลูกไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง มุฑิตา คือ การแสดงความยินดีเมื่อลูกประสบความสำเร็จในหน้าที่การเรียนและการงาน อุเบกขา คือ การวางตนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างลูกของเราจนเสียคนต้องมีเหตุผล หลักในการเลี้ยงลูกทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป แล้วก็ต้องไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไปเลี้ยงอย่างบูรณาการ จึงจะเรียกได้ว่าพ่อแม่เป็น “พระพรหม”ของลูก
ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ไม่ว่าจะในฐานะลูกหรือพ่อแม่ เราก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถูกต้องและเรียบร้อย เมื่อเราสามรถทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุดแล้ว เราก็สามรถที่จะเรียกร้องในสิ่งที่เราต้องการได้ หากเรายังไม่สามารถทำหน้าที่ของเราให้ดีได้เราก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องสิ่งใดได้เลย





-------------------------------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของศึกษารายวิชา ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารอ้างอิง
http://blog.spu.ac.th/porn
โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ : เขมกะ. สำนักพิมพ์ธรรมะสภา.๒๕๔๓

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่9

-ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองในการจัดระบบแฟ้มสะสมผลงาน
-การวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลด้วย e-portfolio

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่8

-การนำเสนอแหล่งข้อมูลคุณภาพจากสารสนเทศการสัมภาษณ์
-ฝึกการวิเคราะห์จากสื่อเสียง

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่7

-ฝึกทักษะการวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
-นำเสนอ Mind Map ๙คำพ่อสอน

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่6

-นำเสนอMind Map ๙คำพ่อสอน
-การนำเสนอผลการสืบค้นแหล่งข้อมูลจากระบบเทคโนโลยสารสนเทศ

บทวิเคราะห์ ๙ คำพ่อสอน

๙ คำพ่อสอน
การที่เราจะมีสุขภาพกายที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากการที่มีจิตใจที่ดี การมีจิตใจที่ดีได้ต้องเริ่มต้นจากการฝึกฝนอย่างสท่ำเสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำจะได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรงก็พร้อมที่จะใช้ชีวิตไปในแต่ละวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
ชีวิตของเราแต่ละคนต้องส่วนประกอบที่สามารถอุ้มชูร่างกายของตนเองได้ อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายของเรามีกำลังที่จะทำงานใดๆ นอกจากอาหารกายแล้วเรายังต้องมีอาหารใจ ถ้าเราไม่มีอาหารใจ ก็จะเป็นคนที่ไม่เจริญ การที่เราจะมีชีวิตอยู่อย่างดีเราต้องดูแล สุขภาพจิตและสุขภาพทางกาย มีความสัมพันธ์ที่จะโยงกันอย่างยิ่ง ถ้าเราอยากมีร่างกายที่แข็งแรง เราต้องมาดูแลร่างกายของเราไม่ใช่ร่างกายเพียงอย่างเดียวเราต้องดูแลจิตใจของเราด้วยเพราะจิตใจต้องทำงานร่วมกับร่างกายเช่นกัน ความรู้นั้นแบ่งเป็น 2 อย่าง ความรู้เกี่ยวข้องกับกายและความรู้เกี่ยวข้องกับใจ การที่เรามีสุขภาพที่ดีเราก็จะมีร่างกายที่ดีและทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของเราดีขึ้น ไม่มีใครที่มีความสุขหรือความสำเร็จโดยไม่เหนื่อยถ้าไม่อยากเหนื่อยก็ต้องฝึกฝนกำลัง เราทุกคนต้องการหาความสุขหรือความสำเร็จแต่ทุกอย่างต้องเหนื่อย ถ้าไม่อยากเหนื่อยเราก็ต้องฝึกฝนกำลังและจิตใจให้แข็งแรงไปพร้อมกัน เราจึงต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอทุกวัน กีฬาก็เป็นปัจจัยในการบริหารร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงเช่นกันเพราะกีฬามีประโยชน์ในหลายๆด้าน สามารถทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ กีฬานับเป็นอุปกรณ์การศึกษาที่สำคัญยิ่งเพราะเป็นการกล่อมเกลาให้เด็กมีจิตใจที่อดทน กล้าหาญ รู้แพ้รู้ชนะ ปลูกฝังพลานามัยให้แข็งแรงเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เด็กเป็นผู้มีสมรรถภาพทั้งในทางจิตใจและร่างกายเป็นผลสืบเนื่องไปถึง การเป็นพลเมืองดีของชาติอันเป็นยอดแห่งความปรารถนาและเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งเพราะการเล่นกีฬาเป็นการบำรุงรักษาร่างกายให้แช็งแรง เป็นสิ่งหนึ่งที่กล่อมเกลาจิตใจให้เด็กมีความอดทน กล้าหาญ รู้แพ้รู้ชนะ ไม่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การเล่นกีฬาทำให้ร่างกายแข็งแรงมีอายุยืนไม่ป่วยบ่อยๆ เมื่อเราพยายามเล่นกีฬาร่างกายและจิตใจก็จะแข็งแรงพร้อมที่จะต่อสู้ในการใช้ชีวิต ยังให้ความสนุกสนานและความสมบูรณ์แก่ร่างกาย ถ้าเรามีจิตใจที่เป็นนักกีฬาเราก็สามารถที่จะให้อภัยผู้อื่นได้ ระงับสติอารมณ์ไม่ให้ฟุ้งซ่านได้ การที่เราจะฝ่าฟันอุปสรรคได้ดี เราควรฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอแล้วจะประสบความสำเร็จ
ถ้าเราทุกคนมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็งก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งในหน้าที่การงานและส่วนตัว มีความสุขใจสุกายและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตลอดไป

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Mind Map๙คำพ่อสอน

งานกลุ่มที่ได้นำมาแก้ไขใหม่










๙ คำพ่อสอน
หลักการดูแลสุขภาพร่างกาย ถ้าเรามีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีก็จะทำให้เรามีร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยบ่อยๆการใช้ชีวิตของเราก็จะดีและมีความสุข

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่5

-ฝึกปฎิบัติโปรแกรม MindManager
-ทำ๙คำพ่อสอนโดยใช้โปรแกรม MindManager

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่4แนวทาง๙คำพ่อสอนกับการเรียนศึกษาศาสตร์

การจะทำสิ่งใดเราต้องรู้จักความพอดี ไม่โลภ แล้วจะทำให้ชีวิตของเราที่มีอยู่ในแต่ละวันมีความสุขกับความพอดี

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่4

สัปดาห์ที่4
-ฝึกทักษะการวิเคราะห์+สังเคราะห์+การเลือกสรรข้อมูลทางIT
-การนำเสนอผลการสืบค้นแหล่งข้อมูล
-ฝึกปฏิบัติการ Download ข้อมูล IT โดยใช้ http://www.mediaconverter.org/
http://www.keepvid.com/
-ฝึกปฏิบัติการใช้โปรแกรม MindManager

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่3

สัปดาห์ที่3
-ฝึกปฏิบัติการสร้าง Blog-e-Portfolio
-สะสมผลงานด้วยการสร้าง e-Blogger

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่2

สัปดาห์ที่2
-การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล
-การสืบค้นข้อมูลทางIT
-เทคนิคการสืบค้นทรัพยากรห้องสมุด
-เทคนิคการสืบค้นวิทยานิพนธ์
-เทคนิคการสืบค้นข้อมูลฐานข้อมูลสังคมศาสตร์

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่1

สัปดาห์ที่1 -ปฐมนิเทศ
-แนะนำรายวิชา
-เตรียมความพร้อมทางจิตใจและคุณธรรม
-ความหมายของการวิเคราะห์ สังเคราะห์

ประวัติส่วนตัว

ประวัตินะคะ
ชื่อ สิริรักษ์ ยิ้มละมัย
ชื่อเล่น นู๋
เกิด วันอังคารที่ 6 กุมพาพันธ์ 2533
ที่พัก บ้านลีลาแมนชั่น
ภูมิลำเนา บ้านเลขที่84/2 ม.6 ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 24180
จบการศึกษาจากโรงเรียนบางปะกง "บวรวิทยายน"จังหวัดฉะเชิงเทรา
ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ
รหัสนิสิต 52040217
เบอร์โทร 0810016878

ความคาดหวังของรายวิชา

1.สามรถบอกเครื่องมือที่ใช้ในข้อมูลสารสนเทศได้

2.สามารถเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากระระบบข้อมูลสารสนเทศได้

3.สามรถเลือกสรรข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกต้อง

4.สามารถใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีคุณภาพ

5.สามารถระบุกระบวนการวิเคราะห์เนื้อหาได้อย่างถูกต้อง

6.สามรถสืบค้นประเด็นที่ตนเองสนใจได้อย่างมีคุณภาพ

7.สามารถฝึกปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

8.สามรถสร้างE-bloggerwfh

9..สามารถนำเสนอเรื่องที่ศึกษาได้

10.สามารถกำหนดเป้าหมายในการเรียนได้

11.สามารถทำให้บบรลุเป้าหมายในการเรียนได้

12.เรียนแล้วต้องสามารถที่จะทำAวิชานี้ให้ได้